ทักษะสำคัญกว่าความรู้


Image result for หนังสือ ทักษะสำคัญกว่าความรู้

ชื่อหนังสือ  ทักษะสำคัญกว่าความรู้
ผู้เขียน  ทันตแพทย์สม  สุจีรา
สำนักพิมพ์  บริษัท  สุจีรา  จำกัด
พิมพ์ครั้งที่  1  ปีที่พิมพ์  2558

ทักษะกับความรู้
       เราได้ยินคำว่า "ความรู้ท่วมหัว  เอาตัวไม่รอด" อยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยได้ยินคำว่า "ทักษะท่วมหัว  เอาตัวไม่รอด" เช่น  มีทักษะด้านการปรุงอาหาร  แต่ไม่มีความรู้  เพียงทำอาหารขาย  ก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว
       คนที่มีทักษะจะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอัตโนมัติ  เป็นการหาที่ตรงจุด  ตรงประเด็นใช้ได้จริง  ในขณะที่คนมีความรู้  อาจไม่พยายามพัฒนาทักษะ  และความรู้ที่มีอยู่ก็กว้าง  เป็นนามธรรม  ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง  สุนมรภู่จึงบอกไว้ว่า "รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา" แล้วต่อด้วยประโยค "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" เพราะการรู้วิชา  ยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้  แม้ไม่มีความรู้  แต่มีทักษะการเรียนรู้  ความรู้นั้นก็สามารถหาได้ใหม่โดยไม่สิ้นสุด  คนเราต้องเรียนรู้กันตลอดชีวิต  ดังสำนวน "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น  สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ" หมายความว่าการลงมือปฏิบัติสำคัญกว่าความรู้
       ความรู้เป็นศาสตร์  ทักษะเป็นศิลป์  อาจารย์สอนทำ  อาหารที่รู้อย่างละเอียดว่า  การทำไข่พะโล้ต้องใส่อะไรบ้าง  แต่เวลาทำออกมาจริงอาจจะไม่อร่อยก็ได้  หรือจิตแพทย์เองบางครั้งก็ยังแก้ไขปัญหาชีวิตของตัวเองไม่ได้  แม่ทัพที่มีความรู้เต็มเปี่ยมแต่ขาดทักษะการรบ  ก็มีแต่จะพ่ายแพ้

ความชำนาญ
       ภาษาไทยมักจะเขียนคำว่า  ความรู้ความชำนาญ  ไว้คู่กัน  แสดงให้เห็นถึงความสัมพัธ์ว่า  ทั้งสองสิ่งนี้มีความสำคัญพอๆ กัน  ถ้ามีความรู้แต่ไม่มีความชำนาญก็ไม่มีประโยชน์
       ความชำนาญอยู่กับตัวได้นานกว่าความรู้  และถ้าพัฒนาไปเป็นความเชี่ยวชาญแล้วส่วนใหญ่จะอยู่ไปตลอดชีวิต  ขณะที่ความรู้นั้นมีการวิจัยว่า  แม้แต่การอ่านหนังสือเพียงข้ามวัน  จะลืมสิ่งที่อ่านไปถึง  50 %  ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์จะเหลือเพียงข้ามวัน  20 %  เห็นได้ว่า  ถ้ามีความรู้แล้วไม่ยอมแปลงให้เป็นความชำนาญ  ความรู้นั้นก็จะค่อยๆ เลือนหายไป  ดังนั้นการเรียนการสอนที่ดีควรมีการสอนเชิงปฏิบัติการด้วยเสมอ  ในต่างประเทศจึงให้ความสำคัญกับคำว่า  Proficiency  หรือ  Professional  มากกว่าคำว่า  knowledge
       โรเบิร์ต  อาจเมียน (Robert  Ajemian) นักประสาทวิทยาสถาบันเอ็มไอที  พบว่าโครงข่ายใยประสาทเก่าๆ ที่ยังคงอยู่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ด้วยการวอร์มอัพ  เขาเปรียบเทียบกับการวอร์มอัพของนักกีฬาเทนนิสว่า  ไม่ได้ทำเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ  แต่เพื่อกระตุ้นโครงข่ายใยประสาทในสมองเกี่ยวกับท่าหรือเทคนิคต่างๆ ในการตีให้ตื่นตัวและพร้อมทำงาน  เช่นเดียวกับคนที่ขี่จักรยานเป็น  จะไม่มีวันลืม  เพียงแต่ขอให้มีเวลาวอร์มอัพเรียกโครงข่ายนั้นให้กลับมาทำงานอีกครั้ง  ในสมองของคนเรามีโครงข่ายสำเร็จรูปแบบนี้จำนวนมาก  และยังเปลี่ยนรูปแบบได้ไอีกด้วยโดยลักษณะงานที่คล้ายกัน  สามารถนำโครงข่ายเดิมมาปรับปรุงเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น  เซลล์ประสาทเพียงหนึ่งเซลล์มีแขนเชื่อมโยงกับเซลล์รอบๆ ข้างนับหมื่นเซลล์  การเปลี่ยนลักษณะเชื่อมโยงบางส่วนก็สามารถทำให้เกิดความชำนาญใหม่ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับความชำนาญเดิมได้

สรุปใจความสำคัญ
       ในโลกแห่งเทคโนโลยีสื่อสารและระบบอินเทอร์เน็ต ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวก็สามารถเข้าถึงความรู้ทั้งโลกได้ ทุกคนจึงมีโอกาสหาความรู้ได้เท่าเทียมกัน มนุษย์ในอนาคตต้องแข่งขันกันที่การพัฒนา "ทักษะ" แม้แต่เรื่องธรรมดาอย่าง ทักษะการคิด ทักษะการพูด ทักษะการแก้ปัญหา ก็ยังเป็นศิลปะที่ต้องเรียนรู้ หนังสือ "ทักษะสำคัญกว่าความรู้" เล่มนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาทักษะ" โดยได้ให้คำตอบในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทำไมทักษะจึงสำคัญกว่าความรู้ การเปลี่ยนเปลี่ยนในสมองเมื่อเกิดทักษะ ความเชี่ยวชาญกับความชำนาญต่างกันอย่างไร ทักษะด้านต่างๆ ของคนเรามีอะไรบ้าง ทำไมหลักการเจริญสติในพุทธศาสนาจึงช่วยพัฒนาทักษะได้ดีที่สุด และกลเม็ดเคล็ดลับการพัฒนาทักษะอีกมากมายที่นำไปใช้ได้จริง หากคนเรารู้จักพัฒนาทักษะประจำตัวเพียงหนึ่งอย่าง ก็จะสามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้แล้ว อย่าพลาดโอกาสนี้ เพียงแค่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง คุณก็จะอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าคนทั่วไปทันที!

การนำไปใช้
       ฝึกให้มีทักษะ  ความชำนาญ  มากกว่าความรู้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง  การเรียน  การทำงาน  หรือเรื่องอื่นๆ อีกมากมายในชีวิตประจำวัน



6 ความคิดเห็น: