ชื่อหนังสือ อยากติดรับตรง ยกมือขึ้น
ผู้เขียน อาจารย์อู๋
สำนักพิมพ์ ภาราดาบุ๊ค
พิมพ์ครั้งที่ี 2 ปีที่พิมพ์ 2558
อยากติดต้องอย่ากลัว
ต้องขอเรียนก่อนว่ารับตรงนั้นไม่ใช่ผี ไม่น่ากลัว ไม่ได้มาหลอกหลอนเราแต่อย่างใด อย่ากลัว หากรักจะเรียนในคณะที่หมายปองแล้ว เราต้องใจสู้ ลืมเรื่องในอดีตทิ้งไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเกรดน้อยนิด คะแนนสอบอันต่ำต้อย
รับตรงไม่ได้ยากน่ากลัวอะไรแค่วางแผนให้ครบ ทำให้ได้ตามแผน รับรองว่าต้องไปถึงเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน
อยากเรียนคณะไหน
ลองถามตัวเองชัดๆ ถ้าไม่คิดเรื่องรายได้ ไม่คิดเรื่องที่บ้านอยากให้เรียน ไม่คิดว่าเรียนแล้วมันจะเท่เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล
หลายคนสับสนไม่รู้ว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตไหนให้กับตัวเองดี ก็ขอเสนอสาม "ถูก"
หนึ่งคือ "ถูกใจ" อยากเรียนคณะไหน มันต้องถูกใจเรา ฟังชื่อคณะแล้วเออมันน่าสนนะ มันดูดึงดูดใจนะ
สองคือ "ถูกตัว" เมื่อได้คณะที่ถูกใจ สนใจ อาจจะหลายคณะก็ได้ เราลองถามดูสิว่า คณะนั้นมันถูกกับตัวเราหรือเปล่า เรามีนิสัย เรามีความสนใจในสิ่งเหล่านั้นหรือไม่
สามคือ "ถูกกับความสามารถ" เมื่อได้คณะที่ถูกใจ ถูกกับตัวเราแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายให้มองไปรอบๆ ว่า เราจะสามารถมีความโดดเด่นในสายงานนั้นได้หรือไม่
อยากได้ไม่เกิน 5
สมมุติว่าคุณเลือกเป้าหมายได้แล้ว อาจจะเป็นคณะเดียวเลย เช่น อยากเรียนนิเทศศาสตร์เท่านั้น คณะอื่นไม่สนเป็นต้น หรือมีสองคณะในดวงใจ แบบนี้ก็เช่น อยากเป็นหมอหรือหมอฟันก็ได้แล้วแต่สอบติดคณะไหน แต่ไม่ว่าจะมีกี่คณะในดวงใจ เคล็ดลับขั้นต่อไปสำหรับคนที่หมายมั่นว่าจะติดรับตรงให้ได้ในชาตินี้ก็คือ อย่าสมัครเกิน 5 ที่เป็นอันขาด
อยากติดต้องรู้วิชา
ขั้นตอนต่อไปคือตรวจสอบดูให้แน่ชัดว่า คณะที่เราหลวงรักนั้น เขาคัดเลือกเราเข้าไปด้วยวิธีใดบ้าง
ปกติแล้ว ข้อมูลการสอบคัดเลือกจะประกาศล่วงหน้าหลายเดือน สำหรับมหาวิทยาลัยไหนที่ประกาศช้าหน่อยเราก็อย่าได้ตกใจไป ให้ลองไปหาข้อมูลของปีที่แล้วมาดูได้ เกือบทุกคณะที่ีรับตรงจะใช้เกณฑ์เดิมกับเมื่อปีที่แล้ว
อยากติดต้องมีข้อสอบเก่า
ข้อสอบเก่าคือทุกอย่างของการเตรียมตัวสอบ เป็นเข็มทิศน้ำทางไปสู่เส้นชัยอย่างเเท้จริง
การเตรียมตัวสอบโดยอ่านแต่หนังสือเพียงอย่างเดียวโดยไม่ลงมือทำข้อสอบเก่านั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากล่องเรือไปในมหาสมุทรอย่างไร้จุดหมาย แล้ววาดฝันว่าคงจะไปเจอเกาะมหาสมบัติเข้าสักวัน
การวิเคราะห์ข้อสอบเก่าอย่างละเอียดจะทำให้เราจับทางการออกข้อสอบได้ไม่ยาก รู้ว่าช่วงต้นจะเจออะไร ช่วงกลางหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนท้ายมีให้เติมคำหรือบรรยายหรือไม่
อยากติดแบบพิเศษ
รับตรงหลายที่มีแบบพิเศษ สำหรับคนพิเศษโดยเฉพาะ
คนพิเศษที่ว่า ก็คือ คนที่มีความสามรถในสาขานั้นๆ มีผลงานเคยทำอะไรแบบที่เข้ากับคณะที่ประสงค์จะสมัครเข้าเรียน คนแบบนี้ไม่ต้องไส่เสียเวลาแข่งกีบคนอื่นเขาโดยใช้คะแนน GAT PAT หรือ วิชาสามัญ แต่แข่งกันโดยใช้ผลงานที่ผ่านมาเป็นตั๋วเข้าเรียนในคณะในฝัน
ทีนี้การจะเป็นคนวิเศษได้ ก็จะต้องมีของวิเศษมาโชว์ให้คณะได้รับรู้ว่าเราคือตัวจริง ซึ่งก็คือผลงานที่ผ่านมานั้นเอง
อยากติดต้องดูคะแนน
"คะแนนต่ำสุดของปีที่ผ่านมาคือเท่าไหร่" นี่คือคำถามที่ต้องตอบให้ได้ ก่อนจะไปสมัครรับตรงแบบที่ใช้คะแนนคัดเลือก
หลายคนสงสัยว่าไอ้คะแนนต่ำสุดมันมีประโยชน์อันใด รู้ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อเราก็ต้องสอบให้มัน "เต็มที่" ให้ได้คะแนน "เยอะที่สุด" อยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วถ้าเรารู้คะแนนต่ำสุด แล้ววางเป้าหมาย เราจะทำข้อสอบไได้ดีขึ้น แม่นยำขึ้น คะแนนดีขึ้น แค่มีแผนเท่านั้นเอง
อยากติดต้องมีสูตร
เวลาลงสนามสอบ หลายคนมักเกิดปัญหา "อ่านไม่ทัน" หรืออ่านไปก็ไม่รู้ว่าพอหรือยัง ต้องอ่านอีกมั้ย ต้องขยันอีกแค่ไหน
หลักการจัดตารางอ่านหนังสือให้ใช้สูตร 6 หยุด 1 คืออ่าน 6 วันในสัปดาห์ การหยุดนี้สำคัญมาก
การอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวันโดยไม่หยุดนั้น ทำให้เราเบื่อง่าย รู้สึกว่าการอ่านมันยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด พอคิดแบบนี้ก็จะล้มเลิกการอ่าน แต่ถ้าเรามีวันหยุด เราจะรู้สึกได้พลังกลับคืนมา ได้พัก ได้ผ่อนคลาย แล้วเราจะสามารถอ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานหลายเดือนได้สบาย
อยากอ่านให้จำ
หลายคนประสบปัญหา อ่านแล้วลืม อ่านแล้วงง อ่านไปแล้วนำไปใช้ต่อไม่ได้ และที่ร้ายกว่านั้น บางคนอ่านได้ไม่เท่าไหร่ก็หลับคาหนังสือ ใช้หนังสือแทนหมอน
ต้องขอเรียนว่า เคล็ดลับการอ่านให้จำนั้น คือการจดสรุปย่อ เมื่อผ่านไปหนึ่งเนื้อหา อาจจะเป็นหนึ่งหน้า สองหน้า หรือจบบท สิ่งที่ต้องทำคือ ลองใคร่ครวญดูว่า ที่เราอ่านผ่านไปแล้วนั้น มีอะไรที่สำคัญบ้าง มีอะไรที่ควรจำบ้าง
จากนั้นก็เขียนสรุปย่อขึ้นมาด้วยลายมือของเราเอง ลายมือจะสวยจะขี้เหร่อย่างไรอย่าได้ใส่ใจ ขอให้เรากลับมาอ่านออกโดยไม่ต้องเพ่งเป็นใช้ได้
การสรุปย่อนั้น จะเป็นการประมวลผลจากตัวหนังสือมากมายที่เราได้อ่านไปแล้ว เป็นการวางโครงสร้างทางความรู้ขึ้นมาในแบบเราเอง
สรุปใจความสำคัญ
สนามรับตรงมีความสำคัญขึ้นทุกวัน หลายคณะเปิดรับตรง "เกินครึ่ง" และบางคณะ ตัวอย่างเช่นแพทย์นั้น ไม่มี Admission ให้ลำบาก ใช้รับตรงล้วนๆ รับตรงจึงเป็นเป้าหมายที่ทุกคนมุ่งไป
การนำไปใช้
รู้เทคนิค เคล็ดลับ การเข้ามหาวิทยาลัยโดยการรับตรง เราไม่ควรจะกลัวการเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ควรกังวลว่าจะสอบติดหรือไม่ติด สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ คือ เมื่อเราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะที่ไหน หรือคณะอะไร เราก็สามารถนำเคล็ดลับนี้ไปใข้กับการรับตรงได้
ออ เข้าใจเเล้ว
ตอบลบออ น่าสนใจ
ตอบลบเนื้อหาดีมากเลย
ตอบลบอ่านนุก
ตอบลบน่าอ่านจุงเยย
ตอบลบสาระดีๆ
ตอบลบ